Year 2024
การมาต่างประเทศครั้งแรกของผมเกิดขึ้นในปีนี้ นับเป็นโอกาสที่ดีมาก ที่ได้ร่วมงาน กับบริษัทนี้ ได้พบเจอเพื่อนๆพี่ๆทุกคน และได้ท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น เมื่อถึงแล้วก็ได้เวลาเดินสำรวจรอบที่พัก โดยทางด้านหลังที่พัก จะมีหอประชุมขนาดใหญ่ เป็นจุดแลนด์มาร์คให้ได้ถ่ายรูปเล่นกัน และยังเป็นโซนร้านอาหารของมหาลัยอีกด้วย
อาหารที่ชอบที่สุดตั้งแต่มาที่ญี่ปุ่น จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากราเมง ร้านที่ชอบไปกินจะอยู่ทางด้านหลังบ้านอีกตามเคย
หากไม่อยากเดินออกนอกบ้านเพื่อไปหาอะไรกินบ่อยๆ ก็สามารถซื้อเนื้อจากซูเปอร์หลังบ้าน(อีกแล้ว) มาเก็บไว้ทำอาหารกินเองที่บ้านตามสะดวก
และที่ขาดไม่ได้ ร้านนั่งชิวที่นี่ถือว่ามีกับข้าวที่อร่อย และเบียร์สดที่สดชื่น ราคาจับต้องได้ ช่วงสุดสัปดาห์หลังจากเลิกงานมาเหนื่อยๆ การไปเดินเที่ยวที่ Nakano broadway แถวที่ทำงาน เดินเข้าร้าน Toriyaro ก็ถือเป็นวิธีส่งตัวเองเข้านอนที่ดีอีกวิธีหนึ่ง
ตอนที่เราทำงาน เราจะได้ไปในสถานที่ที่ต่างกันไปในแต่ละวัน และนี่คือรูปภาพส่วนหนึ่ง ที่ได้ถ่ายไว้ตอนออกไปทำงาน
หลังจากเริ่มเข้ามาทำงานได้สักพัก เราจะได้ไปกินเลี้ยงกันที่บ้าน HR ของเรา หรือก็คือพี่โหน่งนั่นเอง โดยเราจะสามารถ request ได้ว่าเราอยากจะกินอะไร หากพี่โหน่งทำได้เราก็จะได้กิน. ที่บ้านหลังนั่นจะมีเครื่องเกมส์และของเล่นอย่างอื่นอีกมากมายให้ได้เลือกเล่น (แย่งลูกพี่โหน่งเล่น) แล้วตอนเย็นเราก็จะกลับมาบ้านเราอย่างสบายใจ
ส่วนในตัวบ้านพี่โหน่ง ถ่ายมาแค่หน้าต่าง 55555
ช่วงก่อนวันปีใหม่ ได้มีโอกาสไปดู illumination ที่ Roppongi Hills กับพวกพี่ๆที่ทำงาน เป็นสถานที่ๆสวยมาก และคนก็เยอะมากเช่นกัน สามารถเห็น Tokyo tower จากที่นี่ได้หลายจุด และยังมีหลายโซนให้ได้เลือกเดินเที่ยวอีกด้วย
新年会 (Shin'nenkai) คือการฉลองก่อนขึ้นปีใหม่ ที่ทางบริษัทจะจัดขึ้นทุกปี โดยพนักงานที่สำนักงานหลักทุกคนจะมาเข้าร่วมการเฉลิมฉลองครั้งนี้. ถือเป็นประสบการณ์ที่แปลกและสนุกมาก เนื่องจากส่วนตัวผมไม่ชอบกินอาหารสด แต่ในวันนั้นอาหารจานหลักเป็นซูชิเต็มกล่อง... เปิดประสบการณ์กินปลาสด แต่ก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดเอาไว้เลย อาหารที่นี่ทำมาสด ไม่มีกลิ่น ทานง่าย จากนั้นก็จะเป็นการดื่มฉลองกัน โดยปีนี้ได้โอกาสพิเศษจากพี่ๆที่ทำงาน (เค้าบอกจะให้เงินถ้าเล่นให้ฟัง) ทำให้ได้เล่นกีต้าร์ให้ทุกคนฟังไป 1 บนเพลง แล้วก็รับเงินกลับบ้านแบบชิวๆ
การเที่ยวปีใหม่ครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น เป็นการเช่ารถยนต์ไปกับพี่ที่ทำงาน จุดหมายของเราคือเมือง 伊東(itou) ซึ่งจะมีบ้านของพี่ที่รู้จักรออยู่ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องบ้านพัก ทำให้ทริปนี้เป็นทริปที่คุ้มค่ามาก
ที่แรกที่แวะคือ 忍野八海 (Oshino hakkai) หรือเรียกอีกชื่อนึงว่า หมู่บ้านน้ำใส ต้องขอบอกเลยว่าน้ำใส่มาก ใสที่สุดตั้งแต่เคยเห็นมาเลย โดยตัวหมู่บ้านจะเป็นบ้านไม้แบบโบราณ ถนนหนทางเป็นหิน ให้บรรยากาศย้อนยุค นักท่องเที่ยวสามารถถ่ายรูปคู่กับภูเขาไฟฟูจิได้ เนื่องจากมีจุดชมวิวให้ และยังมีร้านของฝากอีกมากมายให้ได้เลือกกัน
รูปภาพคู่กับฟูจิรูปแรก เป็นหมู่บ้านที่สวยจริงๆ
ในระหว่างการเดินทางไปสถานที่ต่อไป ก็จะได้ชมคุณลุงฟูจิตลอดเส้นทาง เพราะเค้าใหญ่โตมโหฬารมากจริงๆ ไปที่ไหนก็เห็น ช่วงฤดูหนาวตรงยอดปล่องไปกคลุมไปด้วยสีขาวมากกว่าปกติอีกด้วย ซึ่งในภาพที่เห็นเป็นเพียงช่วงต้นฤดูหนาวเท่านั้น
สถานที่ต่อไปคือ Fujinomiya – Hara โดยที่นี่จะเป็นน้ำตกที่มีจุดชมวิวภูเขาไฟฟูจิอีกเช่นกัน รวมๆบรรยากาศเป็นธรรมชาติมากๆ หากเดินขึ้นมาด้านบนจะมีร้านขายของฝาก จุดพัก และได้วิวฟูจิสวยๆไปอีกแบบ
บรรยากาศไม่ธรรมชาติได้ไง ไม่มีนักท่องเที่ยวเลยซักคน 555555555
สถานที่ต่อไปคือ Fuji – Tadehara เป็นสะพานธรรมดาๆ ที่สามารถเห็นฟูจิได้ชัดเจน เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวบางกลุ่มเลือกที่จะผ่านมาถ่ายรูป ซึ่งขอบอกเลยว่าตอนเย็นๆ แสงสีส้มๆ พระอาทิตย์กำลังจะตก ช่วงเวลานั้นเป็นอะไรที่สวยมาก
ไม่พลาดที่จะถ่ายรูปเก็บไว้ เพราะวิวตรงนี้เห็นฟูจิชัดมาก พลาดไม่ได้จริงๆ
หลังจากพักผ่อนไป 1 คืน ในวันถัดไปเราก็ได้ไปที่ Ito – Futo ซึ่งเป็นเนินเขาที่มี ropeway ให้นั่งขึ้นไปบนยอดเขา ในระหว่างทางจะมีกล้องถ่ายรูปซ่อนไว้ ถ้าเราไหวตัวทัน เราก็จะสามารถแอ็คใส่กล้อง แล้วได้ภาพที่สวยงามออกมา
ผ่านไปหนึ่งเดือน ก็ได้เวลาที่ผมจะออกเที่ยวอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เป็นการไปแบบเช้าเย็นกลับ ณ เมืองบนเกาะเทียม Odaiba. ในเมืองนี้จะขึ้นชื่อด้านความทันสมัย ดังนั่นก็ไม่แปลกที่จะมีหุ่นยนต์กันดั้มตัวใหญ่เท่าตึกยืนอยู่...
นอกจากนั้นเมืองนี้ยังอยู่ติดทะเล ทำให้การมาเที่ยวที่นี่ดูมีอะไรมากขึ้น หากเป็นช่วงตอนพระอาทิตย์ตกน่าจะสวยมากอย่างแน่นอน
และแล้ววันนั้นก็มาถึง วันที่หิมะตกและยังเป็นหิมะแรกของผมอีกด้วย เป็นภาพบรรยากาศที่สวยมาก
คืนนั้นเป็นคืนแรกและคืนสุดท้าย ที่หิมะจะตกที่โตเกียว ในเช้าวันต่อมา จะเหลือแค่กองหิมะที่คนกวาดไว้ข้างทาง นับว่าโชคดีมาก ที่ได้เห็นหิมะตกในโตเกียว เพราะในหนึ่งปีหิมะจะตกที่โตเกียวแค่ครั้งถึงสองครั้งเท่านั้น
ช่วงปลายเดือนที่สอง ผมได้มีโอกาสไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง และนักท่องเที่ยวส่วนมากก็นิยมมาเที่ยวที่นี่กันอีกด้วย ซึ่งที่แห่งนั้นก็คือ Hakone นั้นเอง. โดยการเดินทางใช้เป็นรถไฟ Romance car เป็นรถไฟแบบ express ที่จะจอดแค่บางสถานีเท่านั้น ทำให้สามารถเดินทางมาถึงได้ภายในเวลาสองชั่วโมง หากซื้อ Hokone free pass ไว้ ก็จะสามารถใช้ท่องเที่ยวใน Hakone ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สำหรับสายที่ร่วมรายการ เช่นรถไฟ Odakyu, Ropeway, Pirate Ship เป็นต้น . แต่เมื่อมาถึงแล้ว บนภูเขาปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้การเดินทางลำบาก และรถบัสก็หยุดวิ่งอีกด้วย ทำให้ทริปนี้ทั้งทริปต้องเดินเท้าไปเกือบทั้งหมด แลกกับสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยหิมะที่สวยงาม สำหรับผมถือว่าคุ้มค่ามาก